อัจฉริยะ ไม่พบหลักฐานเพิ่ม หลังใช้โดรนบินใต้น้ำนาน 3 ชม.

หลังจาก นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นำทีมนักประดาน้ำ จำนวน 4 นาย พร้อมกับทีมบินโดรนใต้น้ำ ลงเรือร่วมกันงมค้นหาหลักฐานในคดีแตงโม 3 จุด บริเวณท่าทราย ใกล้กับท่าเรือพิบูลสงคราม , ท่าน้ำวัดค้างคาว , และ ท่าน้ำวัดเขมา ได้ยุติการค้นหาเนื่องจากเจออุปสรรคกระแสน้ำแรง และฝนตกหนัก หลังใช้เวลางมค้นหา นาน 3 ชั่วโมง

นายอัจฉริยะ เล่าว่า วันนี้ที่งมค้นหาไม่พบหลักฐานอะไรเพิ่มเติม เนื่องจากอุปสรรคจากคลื่นใต้น้ำที่ไหลแรง จึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นอะไรเลย ตอนนี้ได้ร่างคำฟ้องผู้ต้องหาบนเรือไว้แล้ว แต่ถ้าเจอหลักฐานจะทำให้โทษหนักขึ้น ถึงจะไม่เจอพยานหลักฐานเพิ่มเติมก็ยังยืนยันจะฟ้อง โดยจะฟ้องผู้ที่มีคราบเลือดของคุณแตงโม ติดอยู่ที่บริเวณเสื้อผ้า 2 จุด ในข้อหาตามมาตรา 290 “ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี ถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใด ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 20 ปี” ซึ่งหลักฐานชัดๆเลยที่จะเอาผิดก็คือคราบเลือด ที่ติดอยู่บริเวณเสื้อผ้าของ 1 ใน 5 คนบนเรือ ซึ่งทางพิสูจน์หลักฐานเป็นคนเจอ แต่ก็ไม่ทราบว่าส่งสำนวนให้อัยการหรือไม่

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า วันนี้ไม่ใช่การคว้าน้ำเหลว เพราะตนก็ไม่รู้ว่าคนบนเรือมีการทิ้งมีดจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าเจอก็โชคดีแต่ถ้าไม่เจอก็ไม่เป็นไร พร้อมกับบอกว่าตอนนี้ไม่มีใครมาข่มขู่ตน ไม่มีใครมาเสนอเงิน และไม่กังวลว่าคนบนเรือจะฟ้องกลับ เพราะยิ่งฟ้องก็จะยิ่งชอบ ซึ่งถ้าฟ้องได้เขาฟ้องไปนานแล้ว ซึ่งตนก็รอให้ฟ้องอยู่

ส่วนกรณีที่กระติก อิจศรินทร์ จุฑา สุขสวัสดิ์ออกมาโพสต์ข้อความบอกว่าตนดำเนินคดีล้มเหลวมาหลายคดี นายอัจฉริยะก็อธิบายว่าเป็นการโพสต์มั่วโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง ยืนยันว่าทุกคดีที่ตนทำ ทำอย่างรอบคอบเรียบร้อยทุกคดี แต่จะไม่เอาผิดกับกระติกเพราะมองว่าเสียเวลา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *