รายการโหนกระแสวันที่ 5 เม.ย. 65 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวันจำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์–ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ “สิระ เจนจาคะ” อดีตประธานกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมฯ สภาผู้แทนราษฎร กรณีที่พา “กระติก อิจศรินทร์” เพื่อนสนิท “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” ไปรับสารภาพให้การเท็จ
พี่เป็นหนึ่งในตัวละครคุณแตงโม เป็นพาร์ทใหม่ อยู่ดีๆ พี่มาเกี่ยวข้องได้ไง ตั้งแต่ตอนลุงหาปลา?
สิระ : จริงๆ ผมพักผ่อน เที่ยวอย่างเดียว แล้วอยู่ดีๆ มีโทรศัพท์จากพ่อคุณกระติกเข้ามาหาผม ตอนนั้นผมอยู่ต่างจังหวัด ต้องบินกลับมาเมื่อวานนี้บ่ายโมง เขาขอความช่วยเหลือ ขอคำปรึกษา เขาเห็นว่าผมช่วยเหลือลุงนิตจนได้ความยุติธรรมไปแล้ว เขาก็เชื่อมั่น และผลงานที่ผมทำหน้าที่ประธานกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม ก็ช่วยเหลือประชาชนได้รับความยุติธรรมเยอะมาก
พี่บอกว่าการเมืองไม่ยุ่ง มุ่งเรื่องชาวบ้าน ตอนนี้ช่วยชาวบ้านอย่างเดียว?
สิระ : ก็ถ้ามีให้ผมช่วย ก็ติดต่อมาได้
ที่มาที่ไปกระติก ทำไมเข้าไปเกี่ยวข้อง เขาติดต่อมาทางไหน?
สิระ : โทรศัพท์มาเมื่อวานนี้ และนัดบ่ายโมง ก็ตกใจนะว่าจะมาจริงเหรอ
เขาโทรหาพี่เองเหรอ?
สิระ : คุณพ่อโทรหาก่อนวันนึง ว่าจะพาลูกสาวไปปรึกษาด้านกฎหมาย เราก็ไม่เชื่อนะ ว่าจะมาด้วยซ้ำ ซึ่งเราไม่รู้จักกันเลย ปรากฏว่าเขามาจริงๆ มาเมื่อวาน
เหตุเกิดเมื่อวานเหรอ?
สิระ : ได้เจอตัวคุณพ่อกับคุณกระติก เมื่อวานบ่ายโมงตรง
ตอนคุณกระติกมาพบ แกต้องการอะไรยังไง?
สิระ : คำปรึกษา และมีหมายเรียกตร.โรงพักเมืองนนท์ให้ไปพบวันพุธ แล้วก็ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาวันพุธ เราดูแล้วว่าในเมื่อตกเป็นผู้ต้องหา เราก็ต้องไปตามหมายเรียก แล้วมีอะไรจะเล่าให้เราฟังบ้าง เขาก็เล่าให้ฟังหมดทุกเรื่อง
อะไรบ้างที่กระติกเล่าให้ฟัง?
สิระ : เขาติดกระดุมเม็ดแรกมันผิด ไปเชื่อกลุ่มทนาย หรือนักกฎหมาย หรือทะแนะ เรายังไม่รู้เขาอาชีพอะไร อ้างว่าเป็นนักกฎหมาย
ตรงกับที่ทนายตั้มบอกเมื่อวานว่าไม่เกี่ยวกับเขา เป็นทนายกลุ่มแรกที่แนะนำ?
สิระ : 10 โมงเช้าที่ทองหล่อ เห็นแล้วว่ามีใครไปบ้าง หลังจากนั้นกลุ่มนี้แนะนำให้ 5 คนนี้ให้การตรงกันและสอดคล้องกัน
เช่นกรณีไหน?
สิระ : เรื่องมีไวน์กี่ขวด อะไรต่างๆ เหตุการณ์อะไรต่างๆ ในสำนวนผมไม่เห็น
แต่แนะนำทั้ง 5 คนบนเรือไปเจอตร.ช้ามั้ย?
สิระ : ไปเจอตร.ช้า เรื่องของแอลกอฮอล์ เรื่องสารเสพติดใช่มั้ย แล้วก็ให้คนในเรือเท่านั้นที่พูด ที่อยู่ในสำนวน ว่าแนะนำไปประมาณนี้ แต่จริงๆ แล้วผมว่าทนายชุดนี้ตกยุค ถ้าเป็น 30 ปีที่แล้ว มีแค่ 5 คนรู้ พูดทิศทางเดียวกันได้ แต่ตอนนี้มีเรื่องนิติวิทยาศาสตร์ เรื่องกล้องวงจรปิด เรื่องอะไรต่างๆ การสืบสวนสอบสวนพัฒนาเยอะ จำนนด้วยหลักฐานอยู่แล้ว ตร.ถึงแจ้งข้อหาทั้ง 5 คน
พอเข้าไปสภ.นนทบุรี ตร.ว่าไงบ้าง?
สิระ : ตร.รับตัว บันทึกปากคำใหม่ สารภาพหมดเปลือกเลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นบนเรือมีอะไรบ้าง ก่อนเกิดขึ้นบนเรือด้วยนะนัดหมายต่างๆ เล่าจนหมด
หลังจากที่เมื่อวานกระติกไปรับสารภาพ เขารับสารภาพว่า?
สิระ : ว่าสิ่งที่เขาพูดครั้งแรก มีทั้งเรื่องที่จริงและไม่จริงด้วย
เรื่องไม่จริงคืออะไร?
สิระ : บอกไม่ได้ครับ เพราะเรื่องนี้กระติกรับสารภาพไปแล้ว จริงๆ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย 4 คนก็ควรจะพูด
“กระติก” อยู่ในสาย เมื่อวานไปที่สภ.นนทบุรี ไปทำอะไรบ้าง?
กระติก : รับสารภาพ เพราะหนูเพิ่งโดนแจ้งข้อกล่าวหา ก็รับสารภาพตามข้อกล่าวหาที่ตร.แจ้งค่ะ
กรณีที่ว่าให้การเท็จ?
กระติก : ใช่ค่ะ
เมื่อวานไปกับทางคุณสิระ ทำไมถึงรู้จักคุณสิระ?
กระติก : พอดีเพื่อนคุณพ่อเป็นทนาย เป็นมือขวาคุณสิระอยู่แล้ว ทำงานอยู่ในสำนักงานของคุณสิระค่ะ และเผอิญเราก็เห็นว่าคุณสิระทำคดีให้ลุงนิต ซึ่งมันก็เกี่ยวกับเรานี่แหละ ติกเลยไว้วางใจค่ะ คดีลุงนิตคุณสิระก็เข้ามาจัดการให้ เขามีสำนักงานกฎหมาย คนเป็นทนายให้กระติกเป็นเพื่อนพ่อด้วย มันเป็นจังหวะด้วยที่เข้าไปคุย ปรึกษาเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ว่าหนูโดนแจ้งข้อกล่าวหาแบบนี้ ต้องยังไงดี ประมาณนี้ค่ะ
เมื่อวานเลยไปรับสารภาพ พอไปรับสารภาพ มีประเด็นนิดนึง จ๊อบเองก็ให้การ แต่เขาไม่รับสารภาพอะไรเลย เขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่กระติกไปรับสารภาพ มีการคุยกันมั้ย?
กระติก : ไม่ได้คุยกับใครเลย มีคุยเรื่องอื่น เรื่องเหตุที่เกิดบ้าง แต่เรื่องคำให้การ เราไม่ได้คุย ติกไม่มีเบอร์จ๊อบ ติ๊กกับจ๊อบไม่ได้คุยกันเลย ไม่มีเบอร์โทรหากัน ติกมีเบอร์แซน เบอร์ปอ แต่กับพี่เบิร์ตมีคุยช่วงแรกๆ ช่วงแกบวชจนสึกออกมา ก็ไม่ได้คุยเลยนะ
พอกระติกให้การรับสารภาพ อาจมีประเด็นคลุมเครือไปทางจ๊อบ จ๊อบปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แซนก็ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเหมือนกัน ตอนนี้คนเลยพูดกันว่าเหมือนเรือแตก ใน 5 คนมีปัญหากันเองหรือเปล่า
กระติก : ไม่มีนะคะ คือคุยปกติ ยึดหลักตามจริง จริงก็ว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ แบบนั้นเลย แต่คนอื่นติกไม่ทราบว่าเขาให้การยังไง หนูไม่รู้ไม่เห็นคำให้การของใคร แต่คำให้การของติก ติกพิจารณาแล้ว ตรงไหนจริงก็จริง ตรงไหนไม่ก็ไม่ ตรงไหนเราไม่เห็นก็บอกว่าไม่เห็น ยึดหลักความจริง แค่นั้นเลย
ที่ติกบอกว่าไม่เคยพูดว่าฝั่งแตงโมเดินไปฉี่ท้ายเรือ ยังยืนยันคำเดิม?
กระติก : หนูไม่เห็น เพราะหนูนั่งข้างหน้า อย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่านั่งหันหน้าออกไปดูวิว มันไม่ได้เห็นเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แซนเป็นคนบอก เพราะแซนอยู่กับโมคนสุดท้ายค่ะ
เราไม่เห็น ไม่รับรู้ว่าแตงโมเดินไปฉี่จริงหรือเปล่า แต่เราได้รับฟังจากฝั่งแซน?
กระติก : ใช่ค่ะ แต่พวกนี้จะอยู่ในคำให้การและรายละเอียดอื่นๆ ก็อยู่ในสำนวนหมดแล้ว แต่ ณ จุดนั้นถามว่าเราเห็นมั้ย ก็ยืนยันว่าเราไม่เห็น แซนเป็นคนบอกค่ะ
จริงเท็จยังไงก็อยู่ที่แซน?
กระติก : ค่ะพี่
ก็ตรงกับที่โบ ทีเค เคยพูดเอาไว้ ว่ากระติกไม่ได้เห็นตั้งแต่แรก?
กระติก : ใช่ค่ะ ตามเหตุการณ์เลยค่ะ
เมื่อวานไปรับทราบข้อกล่าวหา มีอะไรที่ให้การไม่ตรงกับครั้งแรกบ้างมั้ย?
กระติก : จริงๆ ติกให้การเรื่อยๆ อยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ให้การเมื่อวาน ตลอดที่เรียกเข้าไปครั้งแรกให้การแบบนี้ๆ แต่นึกอะไรได้ก็เพิ่มตลอดทุกครั้งนะคะ ซึ่งที่พูดเมื่อวานก็เคยพูดไปแล้วด้วยเหมือนกัน แต่เมื่อวานมันเป็นการโดนแจ้งข้อกล่าวหา หนูก็ไปรับทราบข้อกล่าวหาและยอมรับสารภาพ แต่ก่อนหน้านั้นหนูไม่ได้โดนแจ้งข้อกล่าวหาไง นึกออกมั้ยบางคนอาจบอกว่าทำไมคิดช้า หนูไม่ได้คิดช้านะ หนูให้การตลอดและเป็นประโยชน์ด้วย เหมือนให้การเพิ่มเติม เราจำผิด เชื่อผิดก็ไปให้การใหม่ วันนี้ไม่ใช่สีนี้นะ จำผิด นี่ยกตัวอย่างนะคะ
ที่กระติกเคยพูด ตอนนั้นปอบอกว่ากินไป 3 ขวด ตกลงข้อเท็จจริงไม่ใช่?
กระติก : หนูไม่ทราบว่ากี่ขวดค่ะพี่ เพราะหนูไม่ได้เป็นคนเท หนูนั่งข้างหน้าเป็นแขก ไม่ได้เป็นโฮสต์
แต่มีคนมาบอกติกให้พูดว่า 3 ขวดใช่มั้ย?
กระติก : อันนี้อยู่ในสำนวนแล้ว ไม่อยากไปพูด ไม่รู้จะกระทบใครมั้ย
มีคนมาบอกติกใช่มั้ย ให้บอกว่ากินแค่ 3 ขวด?
สิระ : ถามกระติกเลยครับ (หัวเราะ)
กระติก : ให้เป็นทางเจ้าหน้าที่ตร.ดีกว่า หนูกลัวจะไปพาดพิงคนอื่นมั้ย
หลังจากนั้นมีข่าวโยนของทิ้งในน้ำ มีคนลือว่าติกเป็นคนโยน?
กระติก : ไม่ๆ อันนี้ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ กล้าพูดได้เลย เพราะไม่ได้จับขวดเลยพี่ ตั้งแต่ลงที่เรือ จับแต่แก้วค่ะ ไม่ได้โยนค่ะ
แสดงว่าคนอื่นโยน?
กระติก : ไม่ใช่หนูค่ะ อันนี้กล้าปฏิเสธได้ เพราะมันส่วนของหนูเนอะ
ไม่ใช่หนู แต่คนอื่นโยน?
กระติก : อันนี้อยู่ในสำนวน ขอเลี่ยงตอบค่ะ ตามนั้นค่ะ ทิ้งก็บอกว่าทิ้ง ไม่ก็บอกว่าไม่ คนอื่นติกไม่พูดตรงนี้แล้วกัน
ที่เราไปถึงตร.ช้า เพราะมีคนแนะนำจริงๆ ว่ายังไม่ต้องไป เดี๋ยวไปพร้อมกัน เดี๋ยวค่อยไปตอนเย็น มีอย่างนั้นใช่มั้ยทำให้เราไปช้าหรือเปล่า?
กระติก : มีด้วยค่ะ เอาตรงๆ พวกเราตั้งใจไปกันอยู่แล้วตามข้อเท็จจริง พอเป็นเรื่องแบบนี้ ก็มีคนแนะนำแหละ เราก็ต้องเชื่อคนแนะนำ เพราะเขามีความรู้ด้วย ว่าเราอย่าเพิ่งมา เราก็ไม่รู้ว่ามันยังไง ก็ตามนี้ที่รับทราบมา
ไม่กลัวว่าวันนี้ในมุมที่ติกกล้าเดินออกมารับสารภาพบางเรื่องที่อาจพลาด หรือไม่เคยพูด สุดท้ายถูกแจ้งความเรื่องให้การเท็จ ไม่ได้กลัวว่าเพื่อนๆ บนเรือเขาจะมีมุมมองกับเราที่แบบว่าอ้าว พูดแบบนี้ ไม่กลัวตีกันใช่มั้ย?
กระติก : ไม่นะคะ เป็นไปในทางเดียวกันค่ะ เรื่องมันมีอยู่เรื่องเดียวเลย เรื่องที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ตรงนั้นมีอยู่เรื่องเดียวถ้าเกินกว่านั้นก็ไม่ใช่เรื่องจริงแล้วพี่ อาจมีประเด็นนิดๆ หน่อยๆ ที่ไม่ตรงกัน มันเล็กๆ น้อยๆ มองว่าไม่ใช่สาระสำคัญในคดีด้วยซ้ำ
หลังติกรับสารภาพ วันนี้ต้องไปที่ศาลแขวงนนทบุรี ตอนนี้อยู่ที่ศาลมั้ย?
กระติก : อยู่ที่เดิมค่ะ
อัยการให้ส่งตัวกลับ เขาไม่รับ เพราะอะไร?
กระติก : อันนี้เป็นเรื่องอัยการกับทางเจ้าหน้าที่ตร. ว่าต้องยังไง หนูรอปฏิบัติตามเขา เขาให้ทำยังไงก็ตามนั้น เพราะเรารับสารภาพไปแล้ว อันนี้เป็นเรื่องกระบวนการ ต้องถามทางทนายว่าจากนี้จะยังไงต่อ เพราะหนูไม่มีความรู้ด้านนี้
มีกระแสข่าว พี่ได้ยินมาแว่วๆ ว่ากระติกกำลังรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ นานา ฟ้องร้องบุคคล 2-4 คน ที่ไปพูดพาดพิงทำให้กระติกเสื่อมเสีย หรือพูดในข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อันนี้ข้อเท็จจริงเป็นยังไง?
กระติก : ก็อยากจะพูดแบบรวมๆ ในภาพกว้างแล้วกันนะคะ ว่าทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นอยู่แล้ว แต่ถ้าความคิดเห็นนั้นไปทำให้เขาเสียหาย ไปทำร้าย ไปบิดเบือน คนเข้าใจผิด หรือปลุกปั่นให้คนเกิดความเกลียดชังกับเรา มันก็เป็นเรื่องที่คุณต้องรับผิดชอบ คือใครพูดอะไรไว้ ก็ต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเองค่ะ แต่สำหรับประชาชนทั่วไปเราเข้าใจนะว่าทุกคนรักโม มีอารมณ์ร่วมกับข่าว อาจเข้าใจกันไปต่างๆ นานาแหละ ถูกบ้างผิดบ้างมาคอมเมนต์อะไรถึงเรา อันนี้ติกเข้าใจได้ ไม่ว่ากัน แต่สำหรับคนที่เป็นตัวปั่น สร้างความเกลียดชัง โจมตีแบบนี้
ไม่ได้หมายถึงพี่ใช่มั้ย?
กระติก : (หัวเราะ) ไม่ใช่ค่ะ
เอาแบบตรงไปตรงมา ประชาชนในโลกโซเชียลที่เขาด่ากระติกอยู่ เขาอาจจะว่าตอนนี้ด้วยซ้ำไปว่าทำไมยังหัวเราะได้โน่นนี่นั่น ต่างๆ นานา หรือจะบอกกระติกเป็นคนไม่ดี เราไม่ว่ากัน ไม่มีการฟ้องร้องเขา?
กระติก : เราไม่ว่าเพราะมีคนชี้นำเขา เขาไม่รู้จักเรา เขาไม่รู้เหตุการณ์ เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาก็ดูตามข่าว พอเห็นข่าวเขาก็มีอารมณ์ร่วม พอมีคนชี้นำเขาก็มีอารมณ์ร่วม ติกเข้าใจหมดแหละ แต่พวกชี้นำทั้งหลายคืออะไร
คุณพูดถึงหมอของขวัญ หรือแอนนา หรือฮิปโป จะไปฟ้องเขาหรือเปล่า?
กระติก : อันนี้ติกไม่ขอพาดพิงถึงใคร ติกทิ้งคำพูดไว้แค่นี้ว่าใครพูดอะไรไว้ ก็จงรับผลจากการกระทำเหล่านั้น รับกรรมจากสิ่งที่พูดไปค่ะ ใครพูดอะไรไว้ให้รับผิดชอบคำพูดตัวเองที่พูดออกไปค่ะ
ปรึกษาที่ปรึกษาทางกฎหมายเรียบร้อย?
กระติก : ค่ะ มีดำเนินเรื่องไปบ้างแล้วส่วนนึงค่ะ เห็นเงียบๆ อย่างนี้ หนูไม่ได้อยู่บ้านเฉยๆ นะคะ ไม่ได้เก็บตัวอยู่บ้านนะ
แล้วกระติกทำอะไร?
กระติก : ใช้ชีวิตปกติ คุยกับทนาย ดำเนินการ อะไรที่เราทำได้ก็ทำ มีเจ้าหน้าที่เรียกไปเราก็ไป ออกจากบ้านปกติ ไปส่งลูกที่โรงเรียนค่ะ รับลูกส่งลูกเองทุกวัน
ได้คุยกับเพื่อนๆ 4 คนบนเรือมั้ย?
กระติก : มีคุยบ้างค่ะ
สุดท้ายบอกว่าเรื่องนี้จบ คุณจะบวชจริงมั้ย?
กระติก : หนูบวชไม่ได้ เพราะเป็นคริสเตียนค่ะ
ยังรอศาลอยู่ รอดูอีกทีว่าข้อเท็จจริงจะยังไงกันต่อ?
กระติก : ใช่ค่ะ
มีอะไรอยากฝากถึงแอนนามั้ย?
กระติก : ไม่มีฝากถึงใครเป็นพิเศษค่ะ
พี่ถอนหายใจ กลัวกระติกเขาจะหลุดอะไรออกมาเหรอ?
สิระ : ไม่ครับ เขาพูดกับผมก็อย่างนี้
พี่จะดูแลกระติกอยู่เรื่อยๆ?
สิระ : เรื่องฟ้องร้องไม่ได้ปรึกษาทางผมนะ แต่คนที่ได้ประโยชน์จากทำให้คนเกิดความเกลียดชังเยอะ ได้ประโยชน์จากทำให้คนมาดูยอดไลค์ ได้งาน แสดง ถ่ายแบบ หรือออกขายสินค้า ได้ผลประโยชน์จากการทำให้ประชาชนเกลียดชังกระติก และตัวเองได้ประโยชน์ พวกนี้ต้องโดน
พี่อย่าเหล่มาที่ผม?
สิระ : (หัวเราะ) มีจริงๆ ออกรถพอร์ชก็มี หลังจากที่ด่ากระติกแล้ว
“ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” อยู่ในสาย ยังเป็นทนายให้คุณแม่อยู่นะ?
เดชา : เหมือนเดิมครับ ยังไม่โดนปลดครับ
พี่สิระดูแลกระติกกอยู่ ฝั่งพี่เป็นโจทก์ ฝั่งนี้เป็นจำเลย พอใจมั้ยที่พี่สิระพาคุณกระติกไปสารภาพ?
เดชา : เนี่ยแหละครับ พระเอกตัวจริง ต้องขอบคุณท่านสิระเลย
วันก่อนบอกแม่เป็นนางเอก วันนี้บอกสิระเป็นพระเอก?
เดชา : ท่านสิระเป็นพระเอกเลย
พี่เป็นอะไร?
เดชา : ผมเป็นจุ๊กกรู๊เหมือนเดิม
พี่พอใจ?
เดชา : ก็ดีครับ ต้องขอบคุณมาก คุณกระติกหันมารับสารภาพ ก็ทำให้เราได้มีพยานเพิ่มอีก 1 ปาก ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นเยอะเลย ตอนนี้กระติกยังเป็นผู้ต้องหาอยู่ จะถูกกันเป็นพยานมั้ย ก็อยู่ที่ดุลยพินิจพนักงานสอบสวน เพราะยังไม่มีความเห็นทางคดี วันนี้อัยการศาลแขวงก็ไม่รับคำฟ้อง ให้ตีสำนวนกลับมา
เพราะอะไร?
เดชา : ผมได้รับทราบข่าวเชิงลึก แต่ไม่ได้จากตร.นะ ว่าคดีนี้การทำงานของตร. ต้องละเอียดรอบคอบมากขึ้น เป็นแหล่งข่าวระดับสูง ซึ่งไม่ใช่สำนักงานตำรวจแห่งชาติล่ะกัน ต้องทำงานให้ละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้น พยานหลักฐานต่างๆ การตั้งข้อหาอะไรต่างๆ ต้องรัดกุมมากขึ้น การที่จะมาเหมือนลักไก่ฟ้องกระติกที่ศาลแขวงทำแบบนี้ไม่ได้ เพราะถ้าวันข้างหน้าสมมติคนบนเรือถูกตั้งข้อหาร่วมกันฆาตกรรม ต่างคนต่างประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโทษมันสูง ต้องไปขึ้นศาลจังหวัด ถ้าลักไก่ยื่นฟ้องแบบนี้ ก็จะทำให้สิทธิ์ในการดำเนินคดีอาญา มันระงับไป ก็ไม่สามารถดำเนินคดีกับคุณกระติกในภายหลังได้ นี่คือหลักๆ ที่ทราบมา
ประเด็นเริ่มแตกไปอีกแล้ว พอกระติกรับสารภาพ ตร.ส่งตัวไปศาลแขวงนนทบุรี ปรากฏว่าอัยการไม่รับ พี่สิระมีการคุยประสานกับทนายเดชามั้ย?
สิระ : ยังไม่ได้คุยอะไร และเรื่องคดีที่สอบไป ถ้าเจอความผิดเพิ่ม ก็รับไป อาจสอบแล้วข้อหาเดิมก็เป็นไปได้ ไม่ใช่ว่าต้องมีอะไรเพิ่มเติมอย่างเดียว ออกได้สองหน้า หน้าแรกคือศาลแขวง โทษหนักก็ไปศาลจังหวัด อัยการแจงแล้ว ทำไมตีกลับ
อยู่ในสายกับ “ประยุทธ เพชรคุณ” รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กรณีนี้ถูกส่งไปศาลแขวง ทำไมอัยการถึงให้ตีกลับ?
ประยุทธ : สั้นๆ อย่างนี้นะครับ พอสำนวนเข้ามาปั๊บ ทางท่านอัยการจังหวัด คือท่านสาวิตรีและคณะอัยการทั้งหมดก็ประชุมกันว่าเรื่องนี้ปรากฎทางสื่อมวลชนชัดเจนแล้วว่ามันมีเหตุการณ์การให้การเท็จ ที่แจ้งความเท็จสืบเนื่องมาจากการตายของคุณแตงโม และปรากฏทางสื่อมวลชนชัดเจนว่ามีหลายข้อหา และมีหลายคนเกี่ยวข้องอยู่ในเหตุการณ์การที่จะสรุปสำนวน สรุปบันทึกพร้อมวาจามาให้อัยการ เพื่อฟ้องไปเลย มันเป็นกรณีที่อัยการต้องใช้ความละเอียดลออในการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเพราะหากฟ้องไป สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือหนึ่งแนวคำตัดสินของศาลจะเป็นบรรทัดฐาน และไปเชื่อมโยงเรื่องอื่นๆ ในเรื่องของคดีหลัก สำคัญที่สุดความยุ่งยาก ซับซ้อน ไม่มีความกระจ่างตรงนี้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบร้อนฟ้องไป กรณีเช่นนี้ หากเป็นบันทึกฟ้องวาจาในเรื่องยุ่งยาก ซับซ้อน และเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องหลายเรื่อง ก็ไม่จำเป็นต้องฟ้องทันที ส่งกลับไปให้พนักงานสอบสวน สอบสวนเต็มรูปแบบให้เสร็จสิ้นก่อนแล้วส่งกลับมาพิจารณาใหม่ ประเด็นคือถ้าเรารีบฟ้องไป แล้วศาลตัดสิน เกิดศาลตัดสินแล้วมีประเด็นหลักที่ไปไกลกว่านั้น แล้วมันไปต่อไม่ได้ ฟ้องใหม่อีกไม่ได้ หากต้องฟ้องซ้ำ นั่นคือประการที่หนึ่ง สองเราเคยมีบทเรียนบันทึกฟ้องวาจาส่งมาให้เราฟ้องว่าทำร้ายร่างกายผู้อื่นธรรมดาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 เราฟ้องไป ปรากฏว่าหลังจากนั้นคนป่วยยังไม่ออกจากรพ. กลายเป็นคนพิการสาหัส ได้ความว่าเป็นพยายามฆ่า ซึ่งมันฟ้องซ้ำใหม่ไม่ได้ เราเลยไม่จำเป็นต้องรีบร้อน หากสุดท้ายส่งมา จะพิจารณาอีกครั้งนึงครับ
เอาง่ายๆ ท่านกำลังจะบอกว่าถ้าคดีนี้มารับสารภาพ ถูกส่งไปศาลแขวงนนทบุรี อัยการรับเข้าไปสู่กระบวนการพิจารณา แล้วต่อไปคดีใหญ่ จะกลายเป็นว่าไปพัวพันกันยุ่งเหยิง?
ประยุทธ : เราไม่ไปไกลกันขนาดนั้น แต่เราอยากให้ทุกอย่างพิจารณาไปในคราวเดียวกัน เพื่อให้ทุกข้อมูล ทุกองคาพยพ มีประสิทธิภาพ และวินิจฉัยเป็นไปโดยเที่ยงธรรมที่สุด ถ้าทำตอนใดตอนหนึ่งไป มันเป็นบรรทัดฐานและอาจเสียหายในกระบวนการยุติธรรมภาพรวมใหญ่ของคดีนี้ เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาให้การเท็จจะเกี่ยวพันประเด็นไหนในคดีหลัก มันต้องรอดูภาพรวมทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ท่านประยุทธพูดถูกมั้ย ถ้ากระติกไปรับคดีนี้ เดี๋ยวคดีใหญ่ที่เป็นองค์รวม โทษกระติกอาจลดน้อยไป?
เดชา : ใช่ครับ เพราะตำรวจทำสำนวนมาแล้ว อัยการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย จะสั่งรื้อหมดก็ได้ สั่งสอบใหม่ก็ได้หมดเอฟซีแตงโมสบายใจได้ พูดตรงๆ ไม่ต้องกั๊กนะ
พี่ไปแช่งอะไรแฟนคลับพี่?
เดชา : ใครที่เข้ามาด่าผม ก็ให้วิญญาณแตงโมหักคอ
พี่ไม่กลัวคนเขาด่าเหรอ?
เดชา : ไม่กลัว ใครมีความสุขก็ด่าเลย ตามสบาย จุ๊กกรู๊
พี่สิระอยากพากระติกไปเจอคุณแม่?
เดชา : ได้เลย นัดหมายมา คุณแม่ก็อยากเจอ ฝากท่านสิระพามาหน่อยได้มั้ย
สิระ : เดี๋ยวคุยกับกระติกและคุณพ่อก่อน
เดชา : พามาเลย พามาส่วนตัว อยากคุยกัน
มีอะไรอยากพูด?
สิระ : ทุกเรื่องเราได้คุยกับกระติกแล้ว โทษหนักโทษเบารับได้ สองอย่างที่ทนายเดชาว่า เอฟซีหรือประชาชนทั้งประเทศ ขอความเป็นธรรมให้น้องแตงโม เรื่องนี้ตร.ทำลำพังไม่ได้ต้องมีอัยการด้วย